ราคาของในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า
- ราคาของ CIF เงินต่างประเทศ (CIF Value Foreign)
- ราคาของ CIF เงินบาท (CIF Value Baht) มีค่าเท่ากับราคาของ CIF เงินต่างประเทศ คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
Total Invoice
Total Invoice หมายถึง ยอดเงินรวมของราคาสินค้าตามบัญชีราคาสินค้าเป็นเงินบาท ทุกรายการในใบขนสินค้ารวมกันแล้วสามารถจะเท่ากับหรือไม่เท่ากับ Total Invoice ในส่วนควบคุม ได้ขึ้นอยู่กับ เงื่อนไขการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น ข้อมูลในเอกสารบัญชีราคาสินค้า Total Invoice = 20,000 Term CIF แต่ Unit Price สำแดงราคาเป็น Term FOB โดยให้บันทึกข้อมูลตามจริง ดังนั้น Total Invoice ส่วน Control = Term CIF และ Unit Price ให้ใส่ข้อมูลตาม Term FOB ได้ มีผลให้ จำนวนเงินของแต่ละรายการเงินบาท ตามเอกสาร Invoice รวมกันทุกรายการ <> Total Invoice ใน Control
ส่วนลด (Discount)
ที่สามารถหักออกจากราคาซื้อขายได้ ได้แก่
- ส่วนลดเงินสด (CASH DISCOUNT) เป็นส่วนลดที่ผู้ขายลดให้เนื่องจากการชำระเงินเป็นเงินสด หรือชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ส่วนลดปริมาณ (QUANTITY DISCOUNT) เป็นส่วนลดที่ผู้ขายลดให้สำหรับการซื้อในปริมาณสูงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- ส่วนลดทางการค้า (TRADE DISCOUNT) เป็นส่วนลดสำหรับการค้าที่แตกต่างกัน เช่น ขายส่ง ขายปลีก หรือผู้บริโภครายสุดท้าย
กรณีส่วนลดอื่น ๆ นอกจากข้อ (1) ข้างต้น
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “Y” ในช่อง “Assessment request code” “มีปัญหาพิกัด ราคา พบพนักงานศุลกากร ที่ด่านศุลกากร ที่นำเข้า”
- พบพนักงานศุลกากร ณ หน่วยบริการศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อยื่นหลักฐานหรือเอกสาร จากผู้ขายมาแสดงให้พนักงานศุลกากรพิจารณาว่ามีเหตุผลเพียงพอและสมควรจะรับส่วนลดนั้นได้หรือไม่
- หากผู้นำของเข้าไม่สามารถยื่นเอกสารหลักฐานหรือเอกสารจากผู้ขายมาแสดง ในขณะการตรวจสอบพิกัด ราคา และของได้ และประสงค์จะนำของออกจากอารักขาศุลกากรไปก่อน ให้ผู้นำของเข้าวางเงินเพิ่มเติมเป็นประกัน ให้ครบจำนวนสูงสุดของอากรที่พึงต้องเสีย
- พนักงานศุลกากร หน่วยบริการ จะเสนอผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรพิจารณาอนุมัติ หรือนายด่านศุลกากร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อขอหักส่วนลดหรือขอวางประกันแล้วแต่กรณี
กรณีผู้นำของเข้าไม่มีหลักฐานหรือเอกสารอื่นจากผู้ขายมาแสดง ให้กำหนดราคาศุลกากรโดย ไม่มีส่วนลด
ค่าบำเหน็จตัวแทนจากการขายและค่านายหน้า
- ค่าบำเหน็จตัวแทนจากการขาย (Selling Commission) หมายถึง ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินที่ผู้ขาย จ่ายให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลผู้เป็นตัวแทนของตนในการขายของที่นำเข้า ทั้งนี้ ไม่รวมถึงค่าบำเหน็จตัวแทนจากการซื้อ (Buying Commission)
- ค่านายหน้าหรือค่าคนกลาง (Brokerage) หมายถึง ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินที่ผู้ขายและหรือผู้ซื้อจ่ายให้แก่ บุคคลหรือนิติบุคคลผู้เป็นตัวกลางในการติดต่อซื้อขายจนสำเร็จ ค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้าเป็นผลตอบแทนที่เกี่ยวข้องกับ “คนกลาง” ซึ่งทำงานโดยอิสระไม่ใช่ลูกจ้างหรือพนักงานของผู้ซื้อหรือผู้ขาย
ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า 3.1 ในกรณีที่ผู้นำของเข้ามีหลักฐานการชำระค่าบำเหน็จตัวแทนจากการขาย ให้นำมารวมไว้เป็นราคาศุลกากร
3.2 กรณีไม่มีหลักฐานการชำระค่าบำเหน็จตัวแทนหรือค่านายหน้า หรือหลักฐานการซื้อขายของผู้นำของเข้า ให้บวกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ของราคาซื้อขายตามเงื่อนไขการส่งมอบที่ระบุไว้ใน Invoice สำหรับกรณี ดังต่อไปนี้ - บัญชีราคาสินค้าระบุชื่อผู้นำของเข้าและผู้ซื้อเป็นคนละรายกัน - ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading:B/L) หรือบัญชีราคาสินค้า (Invoice) สำแดง Sold To และ Ship To เป็นชื่อคนละบริษัท - ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading:B/L) หรือบัญชีราคาสินค้า (Invoice) สำแดง Consignee เป็นชื่อผู้นำเข้าแต่ Notify Party เป็นชื่ออีกบริษัทหนึ่ง ยกเว้นกรณีเป็นชื่อธนาคาร หรือตัวแทนเรือ หรือผู้รับจัดการขนส่ง - มีการชำระเงินผ่านบุคคลที่สาม เว้นแต่ กรณีบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจการค้าระหว่างกัน ซึ่งได้มอบหมายให้ศูนย์บริหารเงินทำหน้าที่บริหารจัดการเงินตราต่างประเทศแทนตน - มีบุคคลหลายฝ่ายเกี่ยวข้องในการซื้อขาย
3.3 กรณีตามข้อ (3.2) หากผู้นำของเข้ายืนยันว่าไม่มีการชำระค่าบำเหน็จตัวแทนหรือ
ค่านายหน้า หรือมีแต่ได้มีการรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของราคาแล้ว - ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “Y” ในช่อง “Assessment Request Code” “มีปัญหาพิกัด ราคา พบพนักงานศุลกากร ที่ด่านศุลกากรที่นำเข้า” - พบพนักงานศุลกากร ณ หน่วยบริการศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อยื่นหลักฐานหรือเอกสารจากผู้ขายมาแสดงให้พนักงานศุลกากรพิจารณาว่า การซื้อขายไม่มีการชำระค่าบำเหน็จตัวแทนจากการขาย หรือมีแต่นำมารวมไว้เป็นราคาศุลกากรแล้ว
ค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (Royalties and License Fees)
- ค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจะต้องนำมารวมไว้เป็นราคาศุลกากร
- ในกรณีที่ค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนั้นมีความเกี่ยวข้องกับของที่นำเข้า ซึ่งผู้ซื้อต้องชำระโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันเนื่องจากเป็นเงื่อนไขของการขายของที่นำเข้าเท่าที่ค่าสิทธิ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนั้น ยังไม่ได้รวมไว้ในราคาที่ชำระจริงหรือราคาที่จะต้องชำระในการนำค่าสิทธิ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตมารวมไว้ในราคาที่ชำระจริงหรือราคาที่จะต้องชำระ
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “Y” ในช่อง “Assessment Request Code” “มีปัญหาพิกัด ราคา พบพนักงานศุลกากร ที่ด่านศุลกากร ที่นำเข้า”
- กรณีมีเอกสารสัญญา ข้อตกลง ข้อผูกพัน หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ระบุค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตอย่างชัดเจนและสามารถคำนวณได้ ให้นำค่าสิทธิ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนั้นมารวมไว้เป็นราคาศุลกากร
- กรณีมีเอกสารสัญญา ข้อตกลง ข้อผูกพัน หรือหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ระบุค่าสิทธิและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตอย่างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถคำนวณได้ในขณะจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า
- ให้ผู้นำของเข้าประมาณการค่าสิทธิที่ต้องชำระสำหรับแต่ละรอบบัญชีโดยใช้ฐานค่าสิทธิที่ยังมิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายของรอบบัญชีที่ผ่านมา นำมาคาดการณ์การขายในรอบบัญชีปัจจุบันว่าน่าจะมียอดขายเป็นจำนวนเท่าใด เพื่อนำมาคำนวณหาประมาณการค่าสิทธิที่จะต้องชำระสำหรับรอบบัญชีนี้ โดยคำนวณเป็นอัตราร้อยละของราคา CIF แล้วนำไปบวกเพิ่มในราคา CIF เป็นราคาศุลกากร
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “หากชำระอากรเกินประสงค์จะขอคืนอากร” ในช่อง “Remark”
- กรณีที่ผู้นำของเข้าทราบว่ามีค่าสิทธิ แต่ไม่สามารถคำนวณค่าสิทธิได้ หรือสัญญาซื้อขายระบุ
ค่าสิทธิไว้ไม่ชัดเจน
- ให้ผู้นำของเข้าวางประกันเพิ่มโดยคำนวณค่าสิทธิที่จะต้องวางประกันจากยอดขายสุทธิของรอบบัญชีที่ผ่านมา
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “หากชำระอากรเกินประสงค์จะขอคืนอากร” ในช่อง “Remark”
- กรณีที่มีการชำระค่าสิทธิในกรณีอื่น ๆ
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “มีค่าสิทธิ หากชำระอากรเกินประสงค์จะขอคืนอากร”
- พบพนักงานศุลกากร ณ หน่วยบริการศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อยื่นหลักฐาน หรือเอกสารมาแสดงให้พนักงานศุลกากร พิจารณากำหนดวงเงินประกัน
- ในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าให้ระบุค่า “มีค่าสิทธิ หากชำระอากรเกินประสงค์จะขอคืนอากร”
- ให้ผู้นำของเข้ายื่นใบสรุปยอดรวมค่าสิทธิต่อหน่วยงานบริการ ณ ด่านศุลกากรที่นำของเข้า ภายใน 30 วันนับแต่วันครบงวดการชำระค่าสิทธิ
- พนักงานศุลกากร จะดำเนินตรวจสอบและประเมินราคาใหม่และบันทึกผลรายละเอียดของ การประเมินราคาและค่าภาษีอากรที่ขาดหรือเกินไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า โดยจัดทำข้อมูล Reassessment
- กรณีชำระค่าภาษีอากรไว้ขาด ให้ดำเนินการออกแบบแจ้งการประเมินอากรขาเข้าภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ กศก.115) และแจ้งให้ผู้นำของเข้าชำระค่าภาษีอากรพร้อมเงินเพิ่มให้ครบถ้วน
- กรณีชำระค่าภาษีอากรไว้เกิน ให้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาคืนเงินอากร พิจารณาดำเนินการต่อไป
- การดำเนินงานในการประเมินอากรใหม่ กรณีอากรเกินหรืออากรขาดไม่ต้องส่งเรื่องให้หน่วยงานคดี พิจารณาความผิดกับผู้นำของเข้า
ค่าประกันภัย ค่าขนส่งของ ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น หรือ ค่าจัดการต่าง ๆ
กรณีบัญชีราคาสินค้า (Invoice) รายใดไม่มีค่าประกันภัย (Insurance) หรือไม่มีเอกสารหลักฐานการจ่ายค่าประกันภัยให้บวกค่าประกันภัยขึ้นอีกร้อยละ 1 ของราคา FOB
กรณีบัญชีราคาสินค้า (Invoice) รายใดไม่มีค่าขนส่งของ (Freight) หรือไม่มีเอกสารหลักฐานการจ่ายค่าขนส่งของให้ดำเนินการดังนี้
2.1 การนำเข้าทางเรือและทางบกให้บวกค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ของราคา FOB 2.2 การนำเข้าทางอากาศยานให้บวกค่าขนส่งทางอากาศยานเข้ากับราคาของ และ
ค่าประกันภัย เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าภาษีอากรดังนี้ให้ใช้ค่าขนส่งตามที่ปรากฏในต้นฉบับ HAWB (House Air Waybill) จากท่าต้นทางบรรทุก ซึ่งได้รับการรับรองจากบริษัทผู้ดำเนินการคลังสินค้า อนุมัติ
หากไม่ปรากฏค่าขนส่งในต้นฉบับ HAWB หรือไม่มีต้นฉบับ HAWB ให้ใช้ค่าขนส่งที่ปรากฏใน MAWB (Master Air Waybill)
หากไม่ปรากฏค่าขนส่งของในต้นฉบับ HAWB หรือไม่มีต้นฉบับ HAWB หรือไม่ปรากฏค่าขนส่งของใน MAWB ให้ใช้อัตราเฉลี่ยค่าขนส่งของตาม Full IATA Rate ตามหนังสือ The Thai Cargo Tariff
ค่าขนส่งของสำหรับของเร่งด่วน ไม่ว่าจะนำเข้าโดยมีผู้โดยสารนำพาหรือไม่ก็ตาม ค่าระวางบรรทุกที่ใช้ในการคำนวณเงินอากร ให้ใช้ตามที่ปรากฏในบัญชีราคาสินค้า หรือหลักฐานการจ่ายค่าขนส่งของดังกล่าว หากไม่ปรากฏค่าระวางบรรทุกในบัญชีราคาสินค้าหรือหลักฐานการจ่ายค่าขนส่งของดังกล่าว ให้ใช้อัตราเฉลี่ยค่าขนส่งของตาม ZONE ที่กรมศุลกากรอนุมัติให้ใช้สำหรับสินค้าเร่งด่วนเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ค่าภาษีอากร
ของที่นำเข้าทางอากาศยาน แต่มีบัญชีราคาสินค้า (INVOICE) สำแดงราคารวม
ค่าขนส่งทางอากาศยานเท่ากับราคารวมค่าขนส่งที่นำเข้าทางเรือ ในกรณีเช่นนี้ การกำหนดราคาให้หักค่าขนส่งทางเรือออกเสียจากราคาดังกล่าว แล้วบวกค่าขนส่งทางอากาศยานที่ผู้ขายหรือผู้ส่งออกได้ชำระไป หากไม่ทราบ ค่าขนส่งทางเรือที่จะคำนวณหักออกได้ ให้หักค่าขนส่งของทางเรือออกในอัตราร้อยละ 10 ของราคาของ
2.3 การนำเข้าทางไปรษณีย์ ให้บวกค่าขนส่งตามอัตราไปรษณียากรสำหรับพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ใช้อยู่ในขณะนำเข้า
บัญชีราคาสินค้า (INVOICE) ที่ยังไม่รวมค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น หรือค่าจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งของมายังด่านศุลกากรที่นำของเข้า แต่ข้อตกลงการส่งมอบของได้กำหนดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ ให้นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวบวกราคาซื้อขายตามเอกสารหลักฐานที่มีการชำระจริง
กรณีบัญชีราคาสินค้า (INVOICE) เป็นราคา EXW (Ex-Works), FCA (Free Carrier), FAS (Free Alongside Ship) หากปรากฏว่า ไม่มีเอกสารหลักฐานมายื่นแสดง ต้องบวกเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 ของราคา EXW, FCA, FAS โดยให้ถือเป็นราคา FOB