มาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า

มาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

สรุปสถานะมาตรการ AD/CVD/SG


รายละเอียดมาตรการ

มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping)

มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้นำเข้าใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาดอันเกิดจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม

การทุ่มตลาด (Dumping) คืออะไร

การทุ่มตลาด คือ การส่งออกสินค้าจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ โดยที่ราคาส่งออกนั้นต่ำกว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิดเดียวกันที่จำหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศผู้ส่งออก / ผู้ผลิตเอง

ราคาส่งออก (Export Price) คือ ราคาสินค้าที่ผู้ส่งออกขายให้แก่ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กัน โดยราคานั้นต้องเป็นราคาที่ขายให้แก่ผู้ซื้ออิสระทอดแรก (First Independent Buyer)

มูลค่าปกติ (Normal Value) คือ

  • ราคาของสินค้าชนิดเดียวกันที่ขายในประเทศผู้ส่งออก / ผู้ผลิต หรือ
  • ราคาส่งออกไปยังประเทศที่สาม (Third Countries) หรือ
  • ราคาที่คำนวณจากต้นทุนการผลิต + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ + กำไรที่เหมาะสม

ความเสียหายคืออะไร

ความเสียหาย (Injury) คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมภายในประเทศผู้นำเข้าที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าทุ่มตลาดหรือสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น

  • สินค้าในประเทศถูกตัดหรือกดราคาหรือไม่สามารถขยับราคาให้สูงขึ้น
  • ปริมาณการผลิตสินค้าภายในประเทศลดลง
  • ปริมาณสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
  • อัตรากำไรลดลง
  • ส่วนแบ่งตลาดลดลง
  • การจ้างงานลดลง
  • อัตราการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • แนวโน้มที่ผู้ผลิตสินค้าทุ่มตลาดจะส่งสินค้าไปยังประเทศผู้นำเข้าสูงขึ้น

ลักษณะอย่างไรที่เข้าข่ายจะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด

  • พบว่ามีการทุ่มตลาด (Dumping)
  • เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในของประเทศผู้นำเข้า (Injury)
  • ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในนั้นเป็นผลมาจากการทุ่มตลาด (Causal Link Between Dumping and Injury)

สรุปสถานะมาตรการ AD

มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty)

มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้นำเข้าใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการอุดหนุน อันเกิดจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม

การอุดหนุน (Subsidies) คืออะไร

การอุดหนุน คือ การที่รัฐให้ความช่วยเหลือ / สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคเอกชน เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ หรือลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

ลักษณะของการอุดหนุน คือ

  1. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐ หรือหน่วยงานของรัฐบาล

    • การให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งโดยตรง / โดยอ้อม
    • การจัดหาสินค้า / ให้บริการเกินกว่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
  2. การให้การสนับสนุนด้านรายได้หรือด้านราคา

ตัวอย่าง โครงการที่เข้าข่ายการอุดหนุน

  1. การลดหย่อน หรือ ยกเว้นอากรนำเข้าวัตถุดิบ / เครื่องจักร
  2. การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
  3. การลดหย่อน หรือ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
  4. การยกหนี้ หรือ การลดหนี้ หรือ ยืดระยะเวลาการชำระหนี้
  5. การกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติในตลาด
  6. การให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก

การใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Measures)

ต้องพิจารณาว่า

  1. เป็นการอุดหนุนที่ให้แบบเฉพาะเจาะจงต่อบริษัท / อุตสาหกรรม / ภูมิภาค / เพื่อการส่งออก /เพื่อให้ใช้สินค้าในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า
  2. ผู้ได้รับการอุดหนุนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ
  3. อุตสาหกรรมภายในของประเทศผู้นำเข้าได้รับความเสียหายจากผลของการนำเข้าสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน

ซึ่งมาตรการตอบโต้การอุดหนุนคำนวณเป็น % หรือจำนวนเงินต่อหน่วย โดยเรียกเก็บอากรตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) เพิ่มจากภาษีนำเข้าปกติ

ความเสียหายคืออะไร

ความเสียหาย (Injury) คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมภายในประเทศผู้นำเข้าที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • สินค้าในประเทศถูกตัดหรือกดราคาหรือไม่สามารถขยับราคาให้สูงขึ้น
  • ปริมาณการผลิตสินค้าภายในประเทศลดลง
  • ปริมาณสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
  • อัตรากำไรลดลง
  • ส่วนแบ่งตลาดลดลง
  • การจ้างงานลดลง
  • อัตราการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดหรือสินค้าที่ได้รับการอุดหนุนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • แนวโน้มที่ผู้ผลิตสินค้าทุ่มตลาดหรือสินค้าที่ได้รับการอุดหนุนจะส่งสินค้าไปยังประเทศผู้นำเข้าสูงขึ้น

การใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ของไทย

  1. กฏหมายที่เกี่ยวข้อง

    • พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542
  2. ผู้มีสิทธิร้องขอให้เปิดการไต่สวนการใช้มาตรการ CVD ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน (Like Product) ซึ่งเป็นตัวแทนทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมภายในประเทศไทย ที่ได้รับความเสียหายจากการนำเข้าสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน

  3. แนวปฏิบัติในการขอเปิดไต่สวน ยื่นคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรอก แบบคำขอ ที่กำหนด พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่แสดงว่ามีการอุดหนุนและทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาว่ามีรายละเอียดหรือหลักฐานเพียงพอที่จะเปิดการไต่สวนหรือไม่ต่อไป

  4. การขอคำแนะนำในการกรอกแบบคำขอ อุตสาหกรรมภายในที่ประสงค์จะขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการขอใช้มาตรการ สามารถติดต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับคำแนะนำในการกรอกแบบคำขอ และจัดเตรียมข้อมูล ก่อนที่จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายได้

  5. การใช้มาตรการ CVD การพิจารณาและการดำเนินการไต่สวนอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของ “คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน” หรือ ทตอ. หากทตอ. พิจารณาผลการไต่สวนแล้วพบว่ามีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน และก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน คณะกรรมการฯ จะประกาศให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การอุดหนุน (CVD) จากการนำเข้าสินค้าดังกล่าวซึ่งจะเป็นการเก็บอากรที่เพิ่มนอกเหนือจากภาษีนำเข้าปกติ

สรุปสถานะมาตรการ CVD

มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure: SG)

มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้นำเข้าใช้ในการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการนำข้าที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่าปกติ เพื่อเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมภายในของประเทศดังกล่าวสามารถปรับตัวให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้

การใช้มาตรการ SG ของไทย

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ.2550

ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาใช้มาตรการ SG

  1. ปริมาณการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณเพิ่มขึ้นจริง อย่างชัดเจน (Absolute Increased) หรือ ปริมาณเพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบ (Relative Increased) ระหว่างปริมาณนำเข้ากับปริมาณการผลิตในประเทศ

  2. การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลจากเหตุการณืที่ไม่อาจคาดการณืล่วงหน้าได้ (Unforeseen Development)

  3. การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนั้นก่อให้เกิดหรือคุกคามให้เกิด ‘ความเสียหายอย่างร้ายแรง’ (Serious Injury or Threat thereof) ต่ออุตสาหกรรมภายใน ทั้งนี้ ปัจจัยหลักในการพิจารณาความเสียหายได้แก่

    • อัตราและปริมาณของการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น
    • ส่วนแบ่งตลาดของสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับการขาย
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับผลผลิต
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับผลิตภาพ
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับกำลังการผลิตที่ใช้จริง
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับกำไรและขาดทุน
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับการจ้างงาน

ประเภทของมาตรการ Safeguards

​​​​​​​1. Global Safeguards (SG) คือ มาตรการ SG ภายใต้ความตกลงว่าด้วยมาตรการ SG ของ WTO และ Article X ของ GATT 1994 ที่ใช้บังคับกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศโดยไม่คำนึงถึงแหล่งที่มาของสินค้า Bilateral Safeguards หรือ Transitional Safeguards คือ มาตรการ SG สองฝ่ายภายใต้ความตกลงการค้าเสรี หรือความตกลงสองฝ่ายอื่นๆ ซึ่งใช้บังคับกับสินค้านำเข้าเฉพาะจากประเทศคู่ภาคี และใช้กับสินค้าที่อยู่ในรายการสินค้าลด / เลิกอากรศุลกากรระหว่างกัน

  1. Special Safeguards (SSG) คือ
  2. มาตรการปกป้องพิเศษภายใต้ความตกลงเกษตรของ WTO ที่ใช้บังคับกับสินค้าเกษตรที่ผูกพันไว้กับ WTO ซึ่งนำเข้าจากทุกประเทศ
  3. มาตรการปกป้องพิเศษ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีที่ใช้บังคับกับสินค้าที่มีความอ่อนไหว (sensitive) ที่ภาคี 2 ฝ่ายกำหนดร่วมกัน

ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ใช้มาตรการ SG คือ

  1. อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) หรือแข่งขันโดยตรง (directly competitive) กับสินค้านำเข้าที่ถูกพิจารณา (product under consideration) ซึ่งมี ปริมาณการผลิตเป็นสัดส่วนใหญ่ (a major proportion) ของปริมาณการผลิตรวมทั้งประเทศ โดยอาจเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายเดียว หรือหลายรายที่มีผลผลิตรวมกันเป็นสัดส่วนใหญ่
  2. หน่วยงานผู้มีอำนาจในการไต่สวน (กรมการค้าต่างประเทศ) เปิดไต่สวนเอง (กรณีที่ไม่มีการยื่นคำร้องขอของอุตสาหกรรมภายในตาม 4.1) หากกรมการค้าต่างประเทศเห็นว่ามีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น และมีหลักฐานว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้น

ข้อกำหนดในการใช้มาตรการ SG

  1. มาตรการ SG จะใช้บังคับกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศโดยไม่คำนึงถึงแหล่งที่มาของสินค้า ซึ่งเป็นไปตามหลักการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation: MFN) ยกเว้นมาตรการ Bilateral SG และ Special SG ภายใต้การค้าเสรี จะใช้บังคับเฉพาะสินค้าจากประเทศคู่ภาคี
  2. ให้ใช้มาตรการ SG เท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันหรือบำบัดความเสียหาย และเพื่อให้อุตสาหกรรมภายในมีระยะเวลาในการปรับตัว
  3. เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อ 5.2 อุตสาหกรรมภายในที่ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวน ต้องทำแผนการปรับตัวยื่นต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันประกาศใช้มาตรการ SG
  4. มาตรการ Global SG มีข้อยกว้นว่าไม่ให้ใช้มาตรการGlobal SG กับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศกำลังพัฒนา ตราบเท่าที่ส่วนแบ่งการนำเข้าจากประเทศนั้น ไม่เกินร้อยละ 3 ของปริมาณการนำเข้าสินค้านั้นโดยรวม แต่ทั้งนี้สินค้าที่นำเข้าจากประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายที่มีส่วนแบ่งการนำเข้าไม่เกินร้อยละ 3 นั้น รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 9 ของปริมาณการนำเข้าสินค้านั้นโดยรวม

รูปแบบและระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรการ SG

  1. มาตรการปกป้องชั่วคราว (Provisional Measure) หากพิจารณาในเบื้องต้นพบว่า การนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นสถานการณ์วิกฤต ซึ่งหากดำเนินการล่าช้าจะก่อให้เกิดผลเสียหาย ยากต่อการแก้ไข ประเทศผู้ใช้มาตรการสามารถใช้มาตรการปกป้องชั่วคราวได้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
  • มาตรการที่ใช้ควรอยู่ในรูปของการเพิ่มอากรขาเข้า เพื่อให้ง่ายต่อการคืนในกรณีที่ไต่สวนแล้วไม่พบความเสียหาย.
  • ระยะเวลาที่ใช้ต้องไม่เกิน 200 วัน
  • หากผลการไต่สวนพบว่าการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย จะต้องคืนอากรที่เรียกเก็บเพิ่มให้แก่ผู้นำเข้า
  1. มาตรการปกป้องทั่วไป (Global SG)
  • สามารถดำเนินการใช้มาตรการทางภาษี หรือจำกัดปริมาณการนำเข้า
  • ใช้บังคับได้ในระยะเวลาที่จำเป็น แต่ไม่เกินครั้งละ 4 ปีนับแต่วันประกาศบังคับใช้
  • กรณีจำเป็น สามารถขยายระยะเวลาการใช้มาตรการ ทั้งนี้ ระยะเวลาที่บังคับใช้ทั้งหมดซึ่งรวมทั้งระยะเวลาที่บังคับใช้มาตรการชั่วคราวแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี สำหรับประเทศกำลังพัฒนา และ 8 ปีสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว

ขั้นตอนและกระบวนการใช้มาตรการ SG

  • อุตสาหกรรมภายในยื่นคำร้องขอตามแบบที่กำหนดต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้เปิดการไต่สวน
  • กรมการค้าต่างประเทศ พิจารณาคำร้องขอว่ามีมูลหรือไม่ หากมีมูลจะประกาศเปิดการไต่สวน โดยจะต้องแจ้ง WTO เพื่อแจ้งเวียนประเทศสมาชิกทราบ และแจ้งรัฐบาลประเทศ ผู้ส่งออก รวมทั้งจัดส่งแบบสอบถามให้ผู้มีส่วนได้เสีย
  • กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการไต่สวนความเสียหาย โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 8 ปัจจัยที่กล่าวไว้ข้างต้น และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) และนำเสนอผลการไต่สวนต่อคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) เพื่อวินิจฉัย
  • คปป. วินิจฉัยผลการไต่สวนและนำเสนอ รมว. พาณิชย์พิจารณาเห็นชอบ
  • รมว. พาณิชย์พิจารณาคำวินิจฉัย หากเห็นชอบ กรมการค้าต่างประเทศจะออกประกาศบังคับใช้มาตรการ

สรุปสถานะมาตรการ SG

ที่มาบทความ : กองปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ชั้น 15 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร. 02-547-4738-40.